จัดส่งวันจันทร์ - เสาร์ 9:00-17:00
ลดปริมาณน้ำตาลลง, น้ำตาลน้อยกว่า (Low Sugar)
หลักเกณฑ์การคัดสินค้า
• ลดน้ำตาลลงเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นที่เป็นอาหารชนิดเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน โดยลดลงตั้งแต่ร้อยละ 25 ขึ้นไป
น้ำตาล ถือเป็นแหล่งพลังงานที่ดีของร่างกาย และเป็นอาหารอันดับหนึ่งของสมอง ถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสม แต่ไม่ใช่น้ำตาลทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ น้ำตาลชนิดเดียวที่ร่างกายต้องการคือ “น้ำตาลกลูโคส” ซึ่งได้จากการทานอาหารธรรมชาติก็เพียงพอฏกับที่ร่างกายต้องการแล้ว ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำตาลหรือความหวานอื่นเพิ่ม โดยกลูโคสได้ทั้งจากอาหารประเภทคาร์โบไฮดเรต โปรตีน และไขมัน ส่วนใหญ่พบมากในผลไม้ ผัก และนม
เด็กและผู้สูงอายุควรได้รับน้ำตาลวันละไม่เกิน 4 ช้อนชา(16 กรัม) วัยรุ่นและวัยทำงานควรได้รับน้ำตาลวันละไม่เกิน 6 ช้อนชา (24 กรัม) แต่ปัจจุบันคนไทยกินน้ำตาลเฉลี่ยวันละ 25.5 ช้อนชา ซึ่งมากกว่าปริมาณที่แนะนำถึง 4 เท่า โดย ผลเสียจากการการกินน้ำตาลมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการนั้น ส่งผลกระทบร้ายแรงกับสุขภาพระยะยาวดังนี้
• สาเหตุของโรคอ้วนที่เป็นต้นเหตุของโรค NCDs ทั้งหมด นำไปสู่โรคเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง โรคตับ ไต โรคหลอดเลือด โรคมะเร็ง
• เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม
• ผิวแก่ก่อนวัย เพราะน้ำตาลทำลายโครงสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
• เพิ่มภาวะซึมเศร้าและอาการวิตกกังวล การเรียนรู้และการจดจำแย่ลง อารมณ์แปรปรวน ขี้หงุดหงิด นอนไม่หลับ
• วิตามินบี 1 ในร่างกายลดลง ทำให้เป็นเหน็บชาบ่อย
• อาจเกิดอาการภูมิแพ้
ปัจจุบันมีการรณรงค์ให้กินหวานน้อยวันละไม่เกิน 2 ช้อนชาจากเดิมที่แนะนำให้กินไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา
กินหวานน้อยดีต่อสุขภาพอย่างไร
1.มีพลังมากขึ้น
2.ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายลดลง
3.น้ำหนักลด ไขมันหน้าท้องและรอบเอวลดลง
4.ลดการเกิดโรคร้าย เช่น เบาหวาน, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดหัวใจ, ไขมันพอกตับ, โรคเหงือกและช่องปาก
5.อยากอาหารน้อยลง
6.ผิวพรรณดีขึ้น
7.นอนหลับดีขึ้น
8.สุขภาพจิตดีขึ้น อารมณ์ไม่แปรปรวน
9.หัวใจสุขภาพดีขึ้น
กินหวานอย่างไรให้ปลอดภัยและช่วยลดการเกิดเบาหวานได้
เทคนิคในการลดหวาน
1.ชิมก่อนปรุงรสทุกครั้ง
2.หลีกเลี่ยงขนมหวาน เครื่องดื่มรสหวาน ผลไม้แปรรูปรสหวานจัด
3.อ่านฉลากโภชนาการทุกครั้งก่อนซื้อ หรือเลือกสินค้าที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภ
4.ผลไม้สดรสหวานทานได้แต่ต้องลดแป้งหรือน้ำตาลมื้ออื่นแทน
ถ้ายังติดรสหวานแนะนำใช้ความหวานจากผักผลไม้ น้ำตาลมะพร้าว หรือสารให้ความหวานจากธรรมชาติแทนการใช้สารให้ความหวานสังเคราะห์ เนื่องจากสารให้ความหวานสังเคราะห์ แม้ว่าจะได้รับรองว่าปลอดภัยแต่ก็ยังมีผลเสียต่อสุขภาพอยู่ เช่น ทำให้เสพติดรสหวานมากขึ้นเรื่อยๆ จุลินทรีย์ในลำไส้อ่อนแอ
• ความหวานจากธรรมชาติดีที่สุด ดีที่สุดคือ ความหวานจากผักผลไม้สดไม่แยกกาก เพราะใยอาหารในผักผลไม้จะห่อหุ้มน้ำตาลไว้ รองลงมาคือ น้ำตาลมะพร้าว น้ำหวานดอกมะพร้าวที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าน้ำตาลชนิดอื่นเพียง35 น้ำตาลทรายอื่น 80 ขึ้นไป และควรทานอาหารกากใยสูงพร้อมกัน เพื่อให้กากใยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
• สารทดแทนความหวานที่ดี และที่ควรระวัง
สารให้ความหวานที่ดีควรเลือกชนิดที่มาจากธรรมชาติปลอดภัยได้แก่
• สตีเวียหรือหญ้าหวาน
• หล่อฮังก้วย
• ทอมาติน (ไม่ติดขมปลายลิ้นเหมือนหญ้าหวาน ไม่ทำให้ฟันผุ และไม่ทำให้ค่าน้ำตาลในเลือดสูง)
• สารให้ความหวานสังเคราะห์ดีหรือไม่ เมื่อกระแสรักสุขภาพได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้อาหารเครื่องดื่มมีการปรับลดน้ำตาลลง และใส่สารให้ความหวานสังเคราะห์ทดแทนน้ำตาล ทำให้อาหารเครื่องดื่มหวานเท่าเดิมแต่ปริมาณน้ำตาลและพลังงานน้อยลงหรือไม่มีเลย โดย 8 ตัวที่นิยมใช้ได้แก่ อะซิซัลเฟม-เค อะลิแตม แอดแวนแตม แอสปาแตม ไซคลาเมต นีโอแตม แซคคาริน ซูคราโลส แต่มีงานศึกษาวิจัยหลายฉบับว่า หากกินเป็นประจำจะทำให้ติดรสหวานมากขึ้น จุลินทรีย์ในลำไส้อ่อนแอและอาจกระทบสุขภาพจึงควรเลือกทานอาหาร Low Sugarที่ใช้ความหวานจากธรรมชาติ Coming Soon!